ทำความรู้จัก Shockwave การรักษาด้วยคลื่นกระแทก บรรเทาอาการปวด

คลื่นกระแทก (Shock Wave) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการใช้รักษาคนไข้ที่มีอาการปวดระยะเรื้อรังที่ผ่านการรักษาต่างๆ มาแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะโรครองช้ำซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดการรักษาที่ได้ผลชัดเจน โดยจะมีกระบวนการของการรักษาโดยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดการอักเสบและลดปวดได้ดี ขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายในต่างประเทศ


คลื่นกระแทก (Shock Wave) ใช้รักษาโรคใดได้บ้าง?

  • ปวดข้อศอก เอ็นข้อศอกอักเสบ

  • พังผืดฝ่าเท้าอักเสบ

  • ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดสะโพกร้าวลงขา

  • ปวดฝ่าเท้าเรื้อรัง (โรครองช้ำ) หรือ ปวดเอ็นร้อยหวาย

  • ปวดเข่า บาดเจ็บจากกีฬา

  • อาการปวดเรื้อรังในกล้ามเนื้อคอ บ่า หลัง

  • ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome)


ข้อห้ามในการรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock Wave)

  • ห้ามรักษาเด็ก

  • ห้ามรักษาหญิงตั้งครรภ์

  • ห้ามรักษาบริเวณที่มีการติดเชื้อ

  • ห้ามรักษาคนไข้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ

  • ห้ามรักษาบริเวณที่มีหลอดเลือดโป่งพอง

  • ห้ามรักษาบริเวณที่เป็นเนื้องอก

  • ห้ามรักษาบริเวณที่มีการอักเสบของเส้นประสาท


กระบวนการรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shockwave)

การรักษาจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยหลักการทำงานของเครื่อง คือ การส่งผ่านคลื่นกระแทก (Shockwave) เข้าไปในบริเวณที่มีอาการปวด เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บใหม่ (Re-Injuries) ในบริเวณกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่มีปัญหา จากนั้นร่างกายจะเกิดกระบวนการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (Re-Healing) จะช่วยลดอาการปวดได้ โดยลดปริมาณสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณปวดและกระตุ้นให้หลั่งสารลดปวด จึงเห็นผลได้ทันทีหลังรักษา (ในกรณีที่เป็นในระดับความรุนแรงเล็กน้อยหรือเพิ่งเริ่มมีอาการ)


ผลที่ได้จากการรักษาและระยะในเวลาการรักษา

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดลดลงเกือบ 50% หรือบางรายหายปวดหลังทำการรักษาในครั้งแรก (ในกรณีที่เป็นในระดับความรุนแรงเล็กน้อยหรือเพิ่งเริ่มมีอาการ) จากนั้นควรเว้นระยะห่างการรักษาครั้งถัดไป 1- 2 สัปดาห์ เพื่อให้เวลาร่างกายซ่อมแซมการอักเสบเรื้อรังที่เป็นอยู่โดยธรรมชาติ โดยจำนวนครั้งในการรักษาทั้งหมดอยู่ที่ 2-5 ครั้งแล้วแต่ความรุนแรงของอาการ

Previous
Previous

ความเป็นมาของวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 13 เมษายนของทุกปี

Next
Next

ปวดคอ เมื่อยคอ เกิดจากอะไร? วิธีลดอาการปวดคอด้วยตนเอง