ทำความรู้จัก “โรคฝีดาษลิง” (Monkeypox) แพร่เชื้อ-ติดต่ออย่างไร?

ฝีดาษวานร เกิดจากการติดเชื้อกลุ่ม Orthopoxvirus  ติดต่อจากการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
_____________________________________________________________________________________


“ฝีดาษลิง” แตกต่างจาก “ไข้ฝีดาษ-ไข้ทรพิษ” อย่างไร?

โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ (Smallpox) จัดเป็นกลุ่มโรคไข้ออกผื่น กินระยะเวลานาน 2-4 สัปดาห์ เช่นเดียวกับไข้ฝีดาษลิง แม้ว่าจะเป็นไวรัส Othopoxvirusกลุ่มเดียวกัน แต่จัดเป็นคนละชนิดกัน โดยลักษณะการติดต่อและความรุนแรงของโรคพบว่า มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

เชื้อไวรัสของโรคไข้ทรพิษจะอยู่ในคนเป็นหลัก โดยจะมีการติดต่อจากคนสู่คนเท่านั้น โดยติดต่อผ่านการหายใจ สามารถติดต่อกันง่ายมาก โดยผ่านละอองฝอยเล็กๆ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างเป็นวงกว้าง โดยพบว่า ผู้ป่วยโรคไข้ทรพิษมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 30% แตกต่างจากไข้ฝีดาษลิง ที่ติดต่อกันผ่านการสัมผัส (Contact)

มีหลักฐานยืนยันว่า โรคไข้ทรพิษเป็นโรคที่มีการแพร่ระบาดมาอย่างยาวนานมากกว่า 1,000 ปี แต่ปัจจุบันนี้ไม่พบผู้ป่วยโรคไข้ทรพิษแล้ว เนื่องมาจากการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ โดยประเทศไทยได้ยุติการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ ตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งปัจจุบัน ได้มีการเก็บตัวอย่างเชื้อไข้ทรพิษ ไว้สำหรับเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น

ฝีดาษวานร ติดต่อทางไหนได้บ้าง

  • จากจากสัตว์สู่คน สัมผัสสารคัดหลั่งจากแผลของสัตว์ที่ป่วยหรือกินเนื้อสัตว์ที่ไม่สุก

  • จากคนสู่คน สัมผัสแผลโดยตรง หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือหายใจระยะประชิด และสามารถแพร่จากมารดาสู่ทารกในครรภ์ได้

อาการของฝีดาษวานร แบ่งเป็น 4 ระยะ

  1. ระยะฟักตัว ไม่มีอาการ 5 - 21 วัน หลังได้รับเชื้อ

  2. ระยะไข้ 1 - 4 วัน ปวดหัว เจ็บคอ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต

  3. ระยะผื่น 2 - 4 สัปดาห์ เริ่มมีผื่นนูน + มีตุ่มน้ำใส - มีตุ่มหนอง -แผลตกสะเก็ด แห้งเป็นขุยและลอกออกเอง

  4. ระยะฟื้นตัวใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์

กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อฝีดาษวานร

  • ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ป่วยมะเร็งและปลูกถ่ายอวัยวะ

  • ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

  • เด็ก อายุต่ำกว่า 8 ปี

การป้องกันฝีดาษวานร

  • กินอาหารปรุงสุก

  • สวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือบ่อยๆ

  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

  • เลี่ยงสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งและตุ่มหนองของผู้ป่วยและสัตว์

  • เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จักหรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย

Previous
Previous

โรค Vogt-Koyanaki-Harada Disease หรือโวกต์–โคยานางิ–ฮาราดะ

Next
Next

รู้ไว้ก่อนสาย…อันตรายพิษจากสารแคดเมียม (Cadmium)